‘น้ำซุป’ หรือ ‘น้ำสต๊อก’ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความอร่อยในทุกๆ เมนู การมีน้ำซุปที่ดีติดครัวไว้ถือว่าเป็นของวิเศษ ที่ไม่ว่าจะทำเมนูไหนก็ตาม ใส่ไปนิด เติมไปหน่อย ก็จะทำให้เมนูนั้นๆ มีรสชาติที่เข้มข้นขึ้น หรือพูดง่ายๆ ว่าอร่อยยิ่งขึ้นนั่นเอง และด้วยความที่ ‘แม่บ้านคีโม’ ชอบกินผักมากกว่าเนื้อสัตว์ ดังนั้นน้ำสต๊อกก็ต้องเป็นน้ำสต๊อกผัก ว่าแล้วก็ไปตลาดหาซื้อผักที่มีรสชาติหวานๆ มาทำน้ำสต๊อกที่มีรสหวานจากธรรมชาติกันค่ะ
.
ส่วนผสม
- หอมหัวใหญ่ 1 หัว
- แครอท 1 หัว
- หัวไชเท้า 1 หัว
- หัวผักกาดขาว 1 หัว (เฉพาะโคน)
- ข้าวโพดหวาน 1 ฝัก
- รากผักชี 3 ราก
- กระเทียม 3 กลีบ
- พริกไทยดำเม็ด 1 หยิบมือ
วิธีปรุง
- นำผักทั้งหมดแช่น้ำผสมด่างทับทิมหรือเกลือธรรมชาติเล็กน้อย ประมาณ 30 นาที แล้วล้างผักทั้งหมดให้สะอาด
- หั่นหอมหัวใหญ่ แครอท หัวไชเท้า หัวผักกาด ข้าวโพด ให้เป็นชิ้นใหญ่ๆ ไม่ต้องละเอียด
- ทุบรากผักชีและกระเทียมเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้น้ำมันหอมระเหยออกมา
- ต้มน้ำประมาณ 2 ลิตร ให้เดือดเล็กน้อย แล้วจึงใส่วัตถุดิบทั้งหมดลงไป
- จากนั้นเบาไฟกลาง ปิดฝา ทิ้งไว้สักครู่
- เปิดฝาหม้อเช็กดู หากหอมหัวใหญ่ใสแสดงว่าได้ที่แล้ว เบาไฟลงอีกนิด ต้มต่ออีกหน่อย โดยคอยตักฟองออกทิ้งด้วยเป็นระยะๆ
- เมื่อได้ที่แล้ว พักให้เย็นลง แล้วกรองเอาเฉพาะน้ำซุปใส่กล่องเก็บไว้ในช่องฟรีซ หรือเทน้ำซุปใส่พิมพ์น้ำแข็งเก็บไว้ในช่องฟรีซ
- ส่วนกากวัตถุดิบต่างๆ สามารถนำมาทำเป็นต้มจืดได้เลยค่ะ
สำหรับใครที่อยากได้ของวิเศษนี้ติดครัว เพียงแค่เดินออกไปตลาด เลือกซื้อผักที่ให้รสหวานสัก 3-4 ชนิด มาลองทำดู รับรองว่า ไม่ว่าจะทำเมนูไหนก็อร่อยถูกปากได้ไม่ยาก แค่เสียเวลาทำน้ำสต๊อกแป๊บเดียวแล้วเก็บแช่ฟรีซไว้ ครั้งต่อไปก็หยิบใช้ได้เลย สะดวก อร่อย ประหยัด ดีต่อสุขภาพด้วย อย่างไรลองทำกันดูนะคะ
เคล็ด (ไม่) ลับ
ฉบับแม่บ้านคีโม
เวลาไหนถึงจะใช้น้ำสต๊อก?
น้ำสต๊อกใช้แทนผงปรุงรสหรือน้ำเปล่าได้เลย จะทำให้อาหารเมนูนั้นรสชาติกลมกล่อมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน เช่น ซุปผัก ผัดกะเพรา แกง สุกี้ ได้หมด
เมนูนี้ทำให้สุขภาพดียังไง?
- ช่วยให้อาหารมีรสชาติอร่อยโดยไม่ต้องปรุง ใช้ประกอบอาหาร ช่วยให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น และยังสามารถใช้ในผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องการปรุงรส เช่น คนป่วย คนชราที่มีโรคที่ต้องจำกัดอาหาร เช่น ความดันโลหิตสูง โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น
- ช่วยเพิ่มคุณค่าสารอาหารโปรตีน เกลือแร่ วิตามินเอ บี และแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูก
เกี่ยวกับ ‘แม่บ้านคีโม’
“โบยังตายไม่ได้นะ
โบขอลองเขียนอะไรสักอย่าง
ให้ผู้คนได้รู้จักแม่ก่อน แล้วค่อยตาย…”
นั่นเป็นคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่เมื่อ 9 ปีก่อนของ โบ-เสาวณิช ผิวขาว ซึ่งตอนนั้นเธอกำลังเผชิญกับโรคมะเร็งเต้านมระยะ 2A ในวัย 32 ปี และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘แม่บ้านคีโม’ นามปากกาที่เธอใช้แทนลายเซ็นตัวเองผ่านบทบาทของ ‘คอลัมนิสต์’ แห่งเพจชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย (TBCC) อาสาเสิร์ฟสูตรอาหารสุขภาพรสชาติไม่จืดชืด พร้อมสารพันเคล็ดลับความอร่อยให้แก่ผู้ป่วยและผู้ไม่ป่วยได้ลองนำไปทำรับประทาน
ปัจจุบันนามปากกานี้ยังถูกใช้เป็นชื่อเพจและร้านอาหารที่ถนัดเสิร์ฟแต่เมนูสุขภาพ ซึ่งเธอปรุงเองด้วยใจและใส่ความรักลงไปในทุกจานดังที่ ‘แม่’ ของเธอเคยมอบให้ลูกค้าเมื่อนานมาแล้ว และแม้วันนี้มะเร็งเต้านมจะกลับมาเยี่ยมเยียนเธออีกครั้ง โดยครั้งนี้มะเร็งลุกลามไปที่กระดูกสันหลัง และเพิ่งจบการรักษาเคมีบำบัดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่อย่างไม่เคยย่อท้อ สนใจติดตามผลงานความอร่อยของเธอได้ที่เพจ ‘แม่บ้านคีโม’