ผื่นที่เกิดจากเคมีบำบัดหรือยาพุ่งเป้านั้นไม่ใช่ปฏิกิริยาการแพ้ยา บางคนอาจจะกังวลว่า เมื่อมีอาการผื่นจากยาพุ่งเป้าหรือเคมีบำบัด ทำให้เราไม่สามารถรับยาได้อีก เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะยาพุ่งเป้าหรือยาเคมีบำบัดนั้นทำให้เกิดผื่นได้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของยา ไม่ใช่อาการแพ้ยาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผื่นแพ้ยาพุ่งเป้ามีทั้งลักษณะที่ขึ้นเพียงเล็กน้อย และระดับปานกลาง ไปจนถึงระดับที่เป็นมาก และหากอยู่ในระดับมาก เช่น ผื่นเกิดเป็นแผลติดเชื้อ ฯลฯ คุณหมอก็จะแนะนำให้หยุดยาและรักษาแผลให้หายก่อน แต่ส่วนใหญ่แล้วผื่นแพ้ยาพุ่งเป้ามักเป็นเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง และพบได้หลากหลายชนิด เช่น ผื่นแดง ตุ่มสิว ฯลฯ ซึ่งจะกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำตัวด้านหน้า ด้านหลัง แต่บริเวณแขนขานั้นมีน้อย
จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีผื่นแพ้ยาพุ่งเป้าบางตัวนั้นมีการตอบสนองต่อการรักษาโรคที่ดี ฉะนั้น ผื่นแพ้ยาพุ่งเป้านี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ แต่เป็นการบ่งบอกถึงการตอบสนองต่อตัวโรคที่ดีก็ได้ อย่างไรก็ตามผื่นแพ้จากยาพุ่งเป้านั้นก็สามารถรักษาได้ ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะแสงแดดอาจจะทำให้เป็นผื่นเพิ่มขึ้น
2. ให้ความชุ่มชื้นกับผิว เช่น การทาโลชั่นที่มีความเข้มข้นสูง และมีส่วนผสมอย่างยูเรีย ครีม เป็นต้น
3. หากเป็นผื่นมาก อาจจะต้องใช้ยาในกลุ่ม Clindamycin Lotion (คล้ายกลุ่มยารักษาสิว) ซึ่งทำให้อาการของผื่นลดลงได้
4. หากผื่นมีอาการอักเสบมาก อาจจะทายาในกลุ่ม Steroid ชั่วคราว เพื่อลดอาการอักเสบได้ทางหนึ่ง
5. การกินยาปฏิชีวนะสามารถลดอาการผื่นจากยาพุ่งเป้าได้เช่นกัน
ดังนั้น อย่ากลัวการให้ยาพุ่งเป้าหรือยาเคมีบำบัดที่จะเกิดผลข้างเคียงมากมาย เพราะในทางการแพทย์นั้นมีวิธีการรักษาได้หลากหลายวิธี ที่สำคัญการให้ยาพุ่งเป้าและยาเคมีบำบัดนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งและช่วยควบคุมตัวมะเร็งได้ดีขึ้น