พรทิพย์ คงเสถียร : สู้มะเร็งร้ายด้วย ‘หัวใจ’ ที่เข้มแข็ง

ชื่อ นามสกุล อายุ
เล็ก-พรทิพย์ คงเสถียร ปัจจุบันอายุ 36 ปี

ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเท่าไหร่ เป็นลักษณะใด
เมื่อต้นปี  2557 ได้คลำพบก้อนเนื้อที่เต้านมข้างขวาขนาด 1 เซนติเมตร หมอจึงใช้เข็มเจาะไปที่เต้านม เพื่อตรวจดูว่าเป็นซี้ดหรือก้อนเนื้อ ปรากฏว่าเป็นก้อนเนื้อมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร หมอจึงนัดผ่าตัด แต่ในวันที่หมดนัดผ่าตัด ปรากฏว่าหมอคลำไม่เจอก้อนเนื้อ จึงไม่ได้ผ่าตัด และหมอก็ให้กลับบ้าน โดยแจ้งว่าอาจเป็นการอักเสบจากการกดหรือคลำเต้านมมากเกินไป

ปลายปี 2557 ได้คลำเจอก้อนบริเวณเดิมอีกครั้ง  จึงคิดว่าเดี๋ยวก็คงหายเหมือนเดิม แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก้อนเนื้อโตเร็วมาก กลายเป็นก้อนแข็งๆ ขนาดประมาณ 3 ซม. จึงตรวจเช็คอีกครั้ง รอบนี้คุณหมอนัดทำแมมโมแกรม  อัลตร้าซาวด์ และนำชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลปรากฏว่าเป็นมะเร็งเต้านม และผ่าตัดในวันที่ 15 เมษายน 2558 และให้คีโม 4 ครั้ง โดยเริ่มให้ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม-25 กรกฎาคม 2558  และฉายแสง 33 ครั้ง

สถานะของโรคในปัจจุบัน
เฝ้าติดตามอาการ ตรวจเช็คร่างกายทุกๆ 6 เดือน และทานยาต้านฮอร์โมน Tamoxifen

แนวทางการรักษา
– ผ่าตัดแบบสงวนเต้า
– ให้ยาเคมีบำบัด 4 เข็ม
– ฉายแสง 33 ครั้ง
– ทานยา Tamoxifen 5 ปี

มุมมองก่อนและหลังเป็นมะเร็ง
ตอนที่รู้ว่าเป็นมะเร็งเครียดและกลัวมาก กลัวว่าจะต้องตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ดูแลพ่อกับแม่ได้ดีเท่าที่ควร ได้แต่คิดว่าทำไมต้องมาเกิดกับเรา เวรกรรมอะไรที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ หลังจากเริ่มรักษามะเร็ง ก็คิดว่ามะเร็งไม่ใช่โรคที่น่ากลัวอย่างที่คิด  หากตรวจพบเร็ว ก็สามารถรักษาได้ทัน และทำให้เราหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ มองโลกในแง่ดี เข้าใจการดำเนินชีวิตมากขึ้น  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการละเลยการดูแลสุขภาพตัวเองไม่ใช่เรื่องของเวรกรรม

จุดเปลี่ยนที่ทำให้มีกำลังใจลุกขึ้นสู้กับโรคมะเร็งเต้านม
การเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพและใช้ชีวิตตามลำพัง เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งตามลำพัง  แต่สิ่งที่ทำให้ผ่านไปได้ คือ ความรักและความเข้าใจของคนในครอบครัว ตอนที่รู้ว่าเป็นมะเร็ง ตั้งใจจะไม่บอกพ่อกับแม่ มีเพียงพี่สาวและพี่ชายที่รู้เรื่อง แต่หลังจากการให้เคมีบำบัดครั้งแรก ปรากฎว่าผมเริ่มร่วง จึงตัดสินใจบอกความจริงพ่อกับแม่ หลังจากพ่อกับแม่ได้ยินว่าเราเป็นมะเร็ง  ท่านนั่งเช็ดน้ำตา และพูดออกมาว่าทำไมไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่แรก น้ำตาของพ่อกับแม่ทำให้เรารู้สึกเสียใจมากที่สุด  เราจึงต้องเข้มแข็งและให้กำลังใจตัวเองให้มากที่สุดเพื่อต่อสู้กับมะเร็งให้ได้  จากนั้นเป็นต้นมาสิ่งที่กังวลและกลัวก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย แม้ว่าจะต้องอยู่เพียงลำพัง เพราะมีกำลังใจจากคนในครอบครัว

กิจกรรมที่ทำระหว่างการรักษาหรือปัจจุบันนี้
กิจกรรมที่ทำระหว่างการรักษา คือ การสวดมนต์ เพื่อทำให้จิตใจสงบ ไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน และดูแลสุขภาพด้วยการเล่นโยคะ

อยากแนะนำหรือให้กำลังใจอะไรให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ อีกบ้าง
ยารักษามะเร็งที่ดีที่สุดนอกจากการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว ก็คือ กำลังใจที่มาจากตัวเองและคนในครอบครัวก็สำคัญไม่แพ้กัน  มะเร็งไม่ใช่โรคที่น่ากลัวอย่างที่คิด หากเราเข้มแข็ง มะเร็งก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้

#LifeGoesOn
#เพราะชีวิตต้องเดินต่อไป
#มะเร็งเต้านมรู้เร็วรักษาเร็วก็หายได้
#ชมรมมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย
#TBCC

แชร์ไปยัง
Scroll to Top