
ปัจจัยที่จะทำให้ผู้ป่วยหายจากมะเร็งที่สำคัญนั้นมีอยู่ 4 ประการหลักๆ คือ
1) ระยะของโรค
หากโรคอยู่ในระยะต้นและสามารถผ่าตัดรักษาเอาก้อนมะเร็งออกได้หมด โอกาสการหายขาดย่อมมากกว่า แต่หากเป็นมะเร็งในระยะลุกลาม ไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกได้หมด โอกาสในการหายก็น้อยลงหรืออาจจะไม่หายเลยก็ได้
นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราควรจะตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตามช่วงอายุและความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อเราจะพบมะเร็งในระยะต้นๆ เมื่อพบได้เร็ว วินิจฉัยได้เร็ว เราก็จะเริ่มการรักษาได้ทันท่วงที ทำให้มีโอกาสในการหายขาดจากโรคมะเร็งได้สูง
ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเสมอว่า เป็นมะเร็งแล้ว ไม่สามารถหายไปได้เอง เพราะมีผู้ป่วยไม่น้อยที่หันไปรักษากับแพทย์ทางเลือก เช่น สมุนไพร หรือการอดอาหาร หรือการทำวอเตอร์ฟาสติ้ง หรือแม้แต่การรับประทานอาหารเสริมกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่างๆ นั้น ยังไม่มีผลงานวิจัยพิสูจน์ว่าวิธีเหล่านี้สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ฉะนั้น อย่ามัวเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้ แต่ควรเข้าสู่การรักษาแพทย์ปัจจุบันให้เร็วที่สุด
2) สภาพร่างกายของคนไข้
เพราะหากร่างกายไม่พร้อมรับการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การฉายแสง หรือการให้ยา การรักษาย่อมไปต่อไม่ได้ ฉะนั้น โอกาสในการรักษาก็แทบไม่มี และถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็มีโอกาสให้เกิดภาวะแทรกซ้อน และอาจจะทำให้คนไข้แย่ลงได้ระหว่างการรักษา
3) ชนิดของมะเร็ง
เพราะมะเร็งแต่ละชนิดมีความดุที่แตกต่างกันไป บางชนิดดุมาก มีการแพร่กระจายตัวได้เร็ว นั่นทำให้เราต้องเข้าสู่การรักษาให้เร็วเพื่อแข่งกับการลุกลามและแพร่กระจายของโรค และถึงแม้เราจะผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกได้ทั้งหมด แต่ก็จำเป็นต้องให้การรักษาเสริมอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกลับมาอีก เนื่องจากมะเร็งชนิดดุนั้น โอกาสที่โรคจะกลับมาเป็นซ้ำสูงกว่ามะเร็งชนิดไม่ดุ จึงจำเป็นต้องรักษาเสริมเพื่อเป็นการป้องกันอีกทางหนึ่ง
4) กำลังใจ
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญต่อการรักษาอย่างมาก เพราะถ้าใจผู้ป่วยไม่พร้อม แน่นอนว่ากายก็ไปต่อไม่ไหว แม้จะเป็นมะเร็งระยะที่ 4 ถ้าใจและกายตอบสนองต่อการรักษาได้ดี และสามารถผ่าตัดก้อนมะเร็งออกได้หมด โอกาสหายจากโรคมะเร็งก็ยังมี
นอกจาก 4 ปัจจัยสำคัญข้างต้นแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ ‘เวลา’ ผู้ป่วยมะเร็งที่อยากหายจากโรคนั้น จำเป็นต้องแข่งกับเวลา คือ ต้องเจอโรคให้ไว เข้าสู่กระบวนการรักษาให้ทัน และสำคัญที่สุดคือกำลังใจต้องดี