

เดือนนี้คงไม่มีอะไรสยองขวัญไปกว่า
การเปิดตู้เย็นมาแล้วเจออาหารขึ้นรา
ที่ค้างเติ่งมาตั้งแต่เมื่อไร…ไม่รู้
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ‘ตู้เย็น’ ที่เป็นเสมือนเพื่อนรักของนักกินอย่างเราๆ ท่านๆ นี้ อาจจะกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากมายที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หนำซ้ำอาจจะเป็นต้นตอก่อโรคร้ายเรื้อรัง เช่น มะเร็ง ฯลฯ แก่ร่างกายเราอย่างไม่น่าให้อภัย ร้ายกว่านั้นอาจจะเพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตจากการติดเชื้อเฉียบพลัน เพียงแค่เราละเลยการดูแลรักษาตู้เย็นอย่างเหมาะสม และเพื่อต้อนรับ ‘คืนตู้เย็นผีสิง’ (Haunted Refrigerator Night) ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ TBCC ขอชวนทุกคนมาเคลียร์ตู้เย็นเพื่อสุขภาพผ่าน 3 Step กำจัด ‘ผีตู้เย็น’ แบบง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งหมอ ไม่ต้องบูชาของขลัง หรือท่องคาถาวางเหรียญ ฯลฯ ไปพร้อมๆ กัน
STEP 1 กำจัดเมนูซอมบี้ล้าง ‘โรค’
เราต้องตระหนักก่อนว่า อาหารทุกอย่างมีวันหมดอายุ และตู้เย็นเป็นเพียงตัวช่วยในการยืดอายุอาหารเฉพาะบางอย่างเท่านั้น และมีอาหารอีกหลายๆ อย่างที่ไม่เหมาะกับการแช่ตู้เย็น การเคลียร์ตู้เย็นอันดับแรก เราต้องคัดทิ้งอาหารต่างๆ ที่หมดอายุ ผักที่เหี่ยว ผลไม้ที่เน่า ฯลฯ รวมถึงอาหารที่ไม่เหมาะกับการแช่ตู้เย็น เนื่องจากความเย็นอาจทำให้คุณภาพเปลี่ยนไป เกิดเชื้อรา หรือเสียรสชาติ เช่น
- ผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย เพราะเปลือกจะเป็นสีดำและเนื้ออาจจะไม่สุกเต็มที่, มะเขือเทศ จะทำให้เนื้อนิ่ม รสชาติเปลี่ยน และคุณค่าทางโภชนการลดลง รวมถึงมะม่วง มะละกอ และแตงโม ความเย็นอาจทำให้คุณภาพและรสชาติแย่ลง
- ผักบางชนิด เช่น กระเทียม หอมใหญ่ ฟักทอง เป็นต้น ความชื้นในตู้เย็นทำให้เกิดเชื้อราและเน่าเสียได้เร็วขึ้น
- อาหารแห้งบางประเภท เช่น กาแฟ มีคุณสมบัติดูดกลิ่น การนำกาแฟไปแช่ตู้เย็นจะทำให้กลิ่นหอมของกาแฟเปลี่ยนไปได้ และถั่วบางชนิด เพราะแม้ความเย็นจะป้องกันน้ำมันตามธรรมชาติในถั่วจากการเหม็นหืน แต่ความเย็นจะทำให้รสชาติของถั่วเสีย อีกทั้งถั่วที่ไม่มีเปลือกยังสามารถดูดกลิ่นจากอาหารอื่นในตู้เย็นได้ ฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดควรเก็บถั่วไว้ในภาชนะกันอากาศในอุณหภูมิห้องดีที่สุด
- พืขหัวบางชนิด เช่น มันฝรั่งดิบ เพราะการเก็บในตู้เย็นจะเพิ่มปริมาณน้ำตาลในมันฝรั่ง ทำให้สารก่อมะเร็งชื่อว่า อะคริลาไมด์ (Acrylamide) สูงขึ้นเมื่อนำไปปรุงด้วยความร้อน
- อาหารประเภทแป้ง เช่น เกี๊ยว และขนมปัง ฯลฯ เพราะอาหารประเภทนี้เปลี่ยนแปลงและสูญเสียความชื้นได้ง่ายในอุณหภูมิเย็น ทำให้แห้งและแข็ง และบางชนิดก็อาจเกิดเชื้อราได้
- อาหารกระป๋อง ความชื้นในตู้เย็นอาจทำให้กระป๋องเป็นสนิมได้
- น้ำผึ้ง ไม่ควรแช่ในตู้เย็นเพราะจะตกผลึกและแข็งตัว
- เมนูที่ไม่ถูกกับตู้เย็น เช่น ผักใบเขียวที่ผ่านการต้มหรือผัดจนสุกแล้ว การเก็บข้ามคืนอาจจะทำให้ ‘ไนเทรต’ ในผักเปลี่ยนเป็น ‘ไนไทรต์’ สารที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งหลอดอาหารได้ รวมถึงอาหารที่มีกะทิ แม้จะแช่เย็นแล้ว แต่ก็เสี่ยงที่จะเกิดเชื้อรา ทำให้อาหารบูด เพิ่มความเสี่ยงอาหารเป็นพิษ ปวดท้อง ท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังมี ‘ข้าวสวย’ ที่มีโอกาสเกิดเชื้อบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus cereus) หากเก็บเกิน 12 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าเชื้อนี้จะทนความร้อน แม้จะอุ่นแล้วแต่ก็สามารถทำให้เราท้องเสียได้ หากจะแช่ข้าวสวยในตู้เย็น ควรเข้าช่องฟรีซไปเลยดีที่สุด และเมนูของทอดนานาชนิด หากกินไม่หมด ไม่ควรเก็บไว้ข้ามคืน เพราะจะทำให้เกิดกลิ่นหืนและก่อสารอะคริลาไมด์ที่เพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้ แนะนำให้เน้นรับประทานอาหารสด ปรุงสุก ใหม่ จะปลอดภัยกับสุขภาพเรามากที่สุด
เป็นต้น


STEP 2 ล่าภาชนะหลอนซ่อนในตู้
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยผ่านประสบการณ์การนำอาหารที่บรรจุในกล่องโฟมเข้าตู้เย็นกันมาแล้ว แต่รู้ไหมว่า นั่นเป็นสิ่งต้องห้าม! เพราะการทำให้กล่องโฟมได้รับอุณหภูมิที่สูงขึ้นหรือเย็นลงนั้น ส่งผลให้โฟมปล่อยสารสไตรีน (Styrene) ซึมออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งสะสม ฉะนั้น หากเลี่ยงได้ไม่ควรเลือกซื้ออาหารที่บรรจุกล่องโฟม โดยเฉพาะอาหารมันหรืออาหารที่ปรุงรสอาหารด้วยน้ำส้มสายชูลงในอาหารที่บรรจุกล่องโฟมโดยตรง เพราะไขมันและน้ำส้มจะดูดซับสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าเดิม
แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรถ่ายอาหารออกจากกล่องโฟมใส่ภาชนะปลอดภัยให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยระยะเวลาให้อาหารอยู่ในกล่องโฟมนาน เพราะจะยิ่งทำให้สารสไตรีนเข้าไปอยู่ในอาหารได้มากขึ้น และหากจะนำอาหารแช่ตู้เย็นควรเลือกใช้ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดและเหมาะกับการแช่ในตู้เย็นโดยเฉพาะ เช่น กล่องพลาสติกใส, ขวดโหลพลาสติก, กล่องแก้ว และถุงสุญญากาศที่ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย (BPA-free) ทนต่ออุณหภูมิได้ดี และมีรูปทรงที่จัดเก็บได้ง่ายในตู้เย็น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ช่องแช่แข็ง’ หรือที่บางคนเรียกติดปากว่า ‘ช่องฟรีซ’ (Freeze) ควรพิถีพิถันเลือกใช้ภาชนะที่ออกแบบมาสำหรับการแช่แข็งเป็นพิเศษ เช่น กล่องพลาสติกโพรพิลีนหรือ PP (Polypropylene) และพลาสติกโพลิเอทิลีน หรือ PE (Polyethylene) ซึ่งทนทานต่อความเย็น ไม่เปราะแตก และปิดผนึกได้แน่นหนา เหมาะสำหรับการแช่แข็งระยะยาว รวมถึงกล่องพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene Terephthalate : PET) หรือ C-PET (Crystallized Polyethylene Terephthalate) ที่เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ซึ่งแข็งแรง ทนทาน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ภาชนะอื่นๆ เช่น ภาชนะแก้วทนความเย็นที่ออกแบบมาสำหรับช่องแช่แข็งโดยเฉพาะ แต่ต้องระวังอย่าให้เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเพราะเสี่ยงต่อการแตกร้าวได้, ถุงซิปล็อกสำหรับแช่แข็งและถุงสุญญากาศ ทั้งหมดควรเป็นภาชนะปิดสนิท เพื่อป้องกันอากาศและความชื้น และมีพื้นที่ว่างเพียงพอสำหรับอาหารขยายตัว ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงภาชนะกระดาษแข็งและขวดแก้วทั่วไปเพราะมีโอกาสแตกง่าย รวมถึงภาชนะที่ทำจากพลาสติก PS (Polystyrene) เพราะเปราะบางในอุณหภูมิต่ำและอาจทำให้คุณภาพอาหารลดลง

STEP 3 เคลียร์เชื้อสยองที่มองไม่เห็น
หลังจากคัดแยกอาหารเรียบร้อย นำอาหารที่ต้องแช่เย็นมาพักไว้ในกระติกน้ำแข็งก่อน จากนั้นถอดปลั๊กตู้เย็นออกเพื่อป้องกันไฟดูดระหว่างทำความสะอาดตู้เย็น นำชั้นวาง ลิ้นชัก และส่วนประกอบที่ถอดได้ทั้งหมดออกจากตู้เย็นเพื่อทำความสะอาด โดยใช้น้ำสบู่และน้ำอุ่น จากนั้นคว่ำพักไว้
ถัดมาเริ่มทำความสะอาดภายในตู้เย็น โดยใช้ฟองน้ำหนานุ่มค่อยๆ เช็ดคราบสกปรกหรือเศษอาหารที่ตกหล่นในตู้เย็น บริเวณใดที่เป็นเชื้อรา เช่น ยางขอบประตูตู้เย็นด้านใน ให้นำเบกกิ้งโซดาไปละลายกับน้ำเปล่า นำผ้าสะอาดชุบส่วนผสมดังกล่าวมาเช็ดถูเชื้อราที่เกาะติด จากนั้นให้นำสำลีชุบน้ำส้มสายชูทาบริเวณดังกล่าวเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อกลับมาขึ้นซ้ำ เพียงเท่านี้ก็โบกมือลาเชื้อราได้อย่างถาวร อย่าลืม! หมั่นตรวจสอบขอบยางประตูว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่ เพราะหากมีรอยรั่วอาจทำให้ความเย็นรั่วไหลและตู้เย็นกินไฟมากเกินความจำเป็นได้
จากนั้นนำอาหารที่พักไว้จัดเก็บเข้าตู้เย็น สำหรับตู้เย็นที่ยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ สามารถนำถ่านดับกลิ่น กากกาแฟ หรือเบกกิ้งโซดามาวางไว้ในตู้เย็นได้ เพื่อช่วยดูดซับกลิ่นได้ทางหนึ่ง ทั้งนี้ ควรจัดเก็บอาหารต่างๆ ไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด นอกจากป้องกันกลิ่นได้แล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดคราบสกปรกในตู้เย็นได้อีกด้วย
นี่คือ 3 step ง่ายๆ ที่จะช่วยให้ตู้เย็นสะอาด ไร้คราบไคล และไร้กลิ่นกวนใจ สามารถเก็บรักษาอาหาร ผัก ผลไม้ และขนม ให้คงความสดได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องหวั่นเกรงเชื้อโรคใดๆ ซึ่งคุณทำได้เลยตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้! เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.matichon.co.th
https://www.sanook.com
https://www.electrolux.co.th
https://www.dohome.co.th