การรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายนั้น ทำได้โดยวิธีใดบ้าง

มะเร็งระยะแพร่กระจาย หรือมะเร็งระยะที่ 4 นั้น ถือเป็นมะเร็งในระยะลุกลาม เช่น ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง ปอด ตับ กระดูก สมอง ฯลฯ ซึ่งการรักษาหลักจะไม่ใช่การผ่าตัดแล้ว เพราะเราอาจจะผ่าตัดมะเร็งออกได้ไม่หมด แต่การรักษาหลักจะเป็นการรักษาด้วย ‘ยา’ และในบางกรณีก็จะรักษาแบบประคับประคองด้วย ‘การฉายรังสีรักษา’ เพื่อควบคุมอาการของโรค โดยการรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายด้วย ‘ยา’ นั้น จะแตกต่างกันไปตามชนิดของมะเร็งเต้านม ดังนี้

1) มะเร็งเต้านมชนิดตัวรับฮอร์โมนเป็นบวก, ตัวรับเฮอร์ทูเป็นลบ

ในรายที่ไม่มีภาวะวิกฤตของมะเร็งเต้านมที่กระจายไปอวัยวะภายใน (visceral crisis) การรักษาหลักจะเป็น ‘ยาต้านฮอร์โมน’ ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้หลายตัว เช่น ยาทาม็อกซิเฟน, ยาเลโทรโซล, ยาฟูลเวสแทรน (ยาฉีด) เป็นต้น ส่วนใหญ่แพทย์จะพิจารณาใช้ยาต้านฮอร์โมนตัวที่ 1 ก่อน แต่หากยาตัวที่ 1 ควบคุมโรคได้ไม่ดี แพทย์ก็จะเปลี่ยนเป็นยาต้านฮอร์โมนตัวที่ 2  และหากตัวที่ 2 ก็ยังควบคุมโรคได้ไม่ดี หรืออาการดื้อยาต้านฮอร์โมนตัวที่ 2 แพทย์ก็จะพิจารณาใช้เคมีบำบัด 1-2-3 ตามลำดับ ซึ่งมะเร็งชนิดนี้มีทางเลือกการรักษามากกว่ามะเร็งชนิดอื่นๆ และมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่ามะเร็งชนิดอื่น

ปัจจุบันเราพบว่า การให้ยาต้านฮอร์โมนเพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะควบคุมโรคได้ระดับหนึ่ง แต่หากรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมนร่วมกับยามุ่งเป้าต้าน CDK4/6 พบว่าสามารถเพิ่มการควบคุมโรคและระยะเวลารอดชีวิตได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยยามุ่งเป้าต้าน CDK4/6 เช่น ยาไรโบไซคลิบ, ยาพาลโบไซคลิบ และยาอะบีมาไซคลิบ เป็นยาชนิดกินเช่นเดียวกับยาต้านฮอร์โมน ทำให้การบริหารยาสะดวกมากขึ้น สำหรับในกรณีที่ผู้ป่วยตรวจพบยีนกลายพันธุ์บางชนิด เช่น PIK3CA ก็สามารถใช้ยาต้านฮอร์โมนร่วมกับยามุ่งเป้าต้าน PIK3CA เช่น ยาแอลพาลิซิบ

2) มะเร็งเต้านมชนิดตัวรับฮอร์โมนและตัวรับเฮอร์ทูเป็นลบ (ทริปเปิลเนกาทีฟ)  

มะเร็งเต้านมชนิดนี้จะไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาต้านฮอร์โมน แพทย์จะรักษาด้วย ‘ยาเคมีบำบัด’ เป็นหลัก ซึ่งยาเคมีบำบัดของมะเร็งเต้านมในปัจจุบันนี้มีทางเลือกการรักษาด้วยยาหลายชนิด หลายสูตร ได้แก่ ยาสูตรแอนทราไซคลิน, ยาสูตรแทกเซน, ยาเคบไซตาบีน, ยาอิริบูลิน ฯลฯ แพทย์จะพิจารณาให้ยาเคมีบำบัดตัวที่ 1 ก่อน หากควบคุมโรคดีก็จะให้ยาเคมีบำบัดอย่างเต็มที่ แต่หากโรคกลับมามีขนาดโตมากขึ้น แพทย์จะพิจารณาให้ยาเคมีบำบัดตัวที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ทั้งนี้ ก่อนการรักษาจำเป็นต้องประเมินสภาพร่างกายของคนไข้ ผลการตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการก่อนทุกครั้งว่ายังแข็งแรงและสามารถรับยาเคมีบำบัดได้ นอกจากนี้ จากความก้าวหน้าทางชีวโมเลกุล พบว่ามะเร็งชนิดนี้บางรายพบมีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงมีการใช้ ‘ยาภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาเคมีบำบัด’ ในผู้ป่วยกลุ่มนี้มากขึ้น

3) มะเร็งเต้านมชนิดตัวรับเฮอร์ทูเป็นบวก (HER2+)

มะเร็งเต้านมชนิดนี้ การรักษาหลักคือ ‘ยาเคมีบำบัด’ ร่วมกับ ‘ยาต้านเฮอร์ทู’ เช่น ให้ยาต้านเฮอร์ทูร่วมกับยาเคมีบำบัดตัวที่ 1 หากควบคุมโรคได้ไม่ดีก็จะเปลี่ยนให้ยาต้านเฮอร์ทูร่วมกับยาเคมีบำบัดตัวที่ 2 และหากควบคุมโรคได้ไม่ดีอีก ก็จะเปลี่ยนเป็นยาต้านเฮอร์ทูร่วมกับยาเคมีบำบัดตัวที่ 3 ไปตามลำดับ ปัจจุบันยาต้านเฮอร์ทูนั้นก็มีหลายตัว เช่น ทราสทูซูแมบ (Trastuzumab), เพอร์ทูซูแมบ (Pertuzumab), ลาพาทินิบ (Lapatinib), ที-ดีเอ็มวัน (T-DM1) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีมะเร็งเต้านมชนิดที่เรียกว่า ตัวรับฮอร์โมนและเฮอร์ทูเป็นบวก หรือ ‘ทริปเปิลโพสิทีฟ’ (Triple-positive breast cancer)  คือ มีตัวรับฮอร์โมนอีสโทรเจน (Estrogen Receptor หรือ ER) ตัวรับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน (Progesterone Receptor หรือ PR) และตัวรับเฮอร์ทู (HER-2 Receptor) เป็นบวก การรักษาหลักของคนไข้กลุ่มนี้ อาจพิจารณา ‘ยามุ่งเป้าต้านเฮอร์ทู’ ร่วมกับ ‘ยาเคมีบำบัด’ แล้วตามด้วย ‘ยาต้านฮอร์โมน’ หรือ ‘ยามุ่งเป้าต้านเฮอร์ทู’ ร่วมกับ ‘ยาต้านฮอร์โมน’

รศ. พญ.นภา ปริญญานิติกูล
อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา สาขาวิชาโรคมะเร็งวิทยา
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

แชร์ไปยัง
Scroll to Top