เทคนิคเปลี่ยน ‘เสียงหัวเราะ’ เป็นเกราะกันโรค

#หัวเราะสร้างสุข
#หัวเราะปลุกผิวสวย
#หัวเราะลดซึมเศร้า
#หัวเราะลดความเครียด
#หัวเราะเพิ่มภูมิคุ้มกัน
#หัวเราะช่วยย่อยอาหาร
#หัวเราะช่วยการขับถ่าย
#หัวเราะบรรเทาอาการปวด
#หัวเราะช่วยคลายกล้ามเนื้อ
#หัวเราะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
#หัวเราะช่วยกระตุ้นหัวใจและหลอดเลือด
#หัวเราะช่วยป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
#หัวเราะกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทสมอง
ฯลฯ

สารพัดสรรพคุณของการหัวเราะที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว เดือนนี้ TBCC จึงขอชวนทุกคนมาร่วมต้อนรับ ‘วันหัวเราะโลก’ (World Laughter Day) ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม ด้วย 10 เทคนิคเปลี่ยน ‘เสียงหัวเราะ’ เป็นเกราะป้องกันโรคไปด้วยกัน 

‘หัวเราะบำบัด’ (Laughing Therapy) คือ ใช้การหัวเราะเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูสุขภาพทางกายและจิตใจ ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายภายใน โดยจะเน้นให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานขับเคลื่อนไปได้ตามปกติ เริ่มจากการฝึกหายใจให้ถูกต้องไปพร้อมการเคลื่อนไหวของร่างกาย จากนั้นฝึกหัวเราะด้วยการเปล่งเสียงต่างๆ กัน คือ โอ-อา-อู-เอ นอกจากนี้ยังมีท่าหัวเราะบำบัดอื่นๆ ที่ให้ประโยชน์ในการบำบัดที่แตกต่างกันไป ดังนี้  

1. ท้องหัวเราะ ‘โอ..โอะๆๆๆ’

  • ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อย 
  • กางแขนออกไปข้างลำตัว งอแขนเล็กน้อย 
  • กำมือทั้งสองข้างโดยชู ‘นิ้วหัวแม่มือ’ ขึ้น 
  • ตามองตรง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และกักลมไว้ 
  • จากนั้นค่อยๆ เปล่งเสียง ‘โอ…โอะๆๆๆ’ ดังๆ 
  • ปล่อยลมหายใจออกช้าๆ พร้อมขยับแขนขึ้นลง 

ประโยชน์ :

ท่านี้จะช่วยให้กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ และไตเคลื่อนไหว ส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยบำบัดโรคลำไส้อักเสบ โรคกระเพาะอาหาร รวมถึงท้องผูกและท้องเสีย อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่มีภาวะเบื่ออาหารและอ้วนมีพุงอีกด้วย

2. อกหัวเราะ ‘อา…อะๆๆๆ’

  • ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อย 
  • กางแขนออกไปข้างลำตัวคล้ายนกกำลังกระพือปีก 
  • หงายมือขึ้น ปล่อยมือตามสบาย 
  • ตามองตรง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กักลมไว้ 
  • จากนั้นค่อยๆ เปล่งเสียง ‘อา…อะๆๆๆ’ ดังๆ 
  • พร้อมกับปล่อยลมหายใจออกช้าๆ และกระพือแขนขึ้นลง 

ประโยชน์ :

ท่านี้ช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก หัวใจ ปอด และไหล่ได้ขยับเขยื้อน ช่วยบำบัดโรคความดัน โรคหัวใจ โรคปอด และอาการเจ็บแน่นหน้าอก เส้นเลือดหัวใจตีบ รวมถึงโรคหัวใจขาดเลือด อีกทั้งยังช่วยให้การเต้นของหัวใจทำงานปกติ การสูบฉีดและการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

3. คอหัวเราะ ‘อู…อุๆๆๆ’ 

  • ยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อย 
  • ยกแขนตั้งฉาก โดยศอกแนบลำตัว มือชี้ไปข้างหน้า
  • งอนิ้วนางกับนิ้วก้อยเข้าหาตัว ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น 
  • ส่วนนิ้วชี้กับนิ้วกลางชี้ไปข้างหน้า ลักษณะชิดกันเหมือนท่ายิงปืน 
  • ตามองตรง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกักลมไว้ 
  • ค่อยๆ เปล่งเสียง ‘อู…อุๆๆๆ’ ดังๆ 
  • จากนั้นค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออกช้าๆ 
  • พร้อมกับพุ่งหรือแทงมือไปข้างหน้า

ประโยชน์ :

ท่านี้จะกระตุ้นให้บริเวณลำคอสั่น ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ คออักเสบ และปวดคอ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจากการใช้เสียงเยอะ เช่น ครู อาจารย์ นักพูด นักร้อง นักแสดง ฯลฯ เพราะช่วยให้คอโล่งและเป็นการดูแลรักษาเสียงได้ทางหนึ่ง

4. ใบหน้าหัวเราะ ‘เอ…เอะๆๆๆ’

  • ปล่อยตัวยืนตามสบาย
  • ค่อยๆ ยกมือขึ้นมาตามถนัด 
  • ตามองตรง สูดลมหายใจลึกๆ 
  • พร้อมขยับทุกนิ้ว ทั้งหัวแม่มือ ชี้ กลาง นาง และก้อย 
  • จากนั้นเปล่งเสียง ‘เอ…เอะๆๆๆ’ ดังๆ

ประโยชน์ :

ท่านี้เมื่อเปล่งเสียง ‘เอ…’ ออกมา ใบหน้าจะดูคล้ายกำลังฉีกยิ้มโดยอัตโนมัติ ทำให้ช่วยคลายความเครียด ลดอาการปวดศีรษะและอาการปวดสมอง 

5. จมูกหัวเราะ ‘ฮึๆๆๆ’

  • เริ่มจากการย่นจมูกขึ้น
  • ทำเสียง ‘ฮึๆๆๆ’ ในจมูกเหมือนม้า 

ประโยชน์ :

ท่านี้ช่วยไล่สิ่งสกปรกในจมูกออกมา ช่วยบำบัดอาการเกี่ยวกับภูมิแพ้ โรคไซนัส และอาการเป็นหวัดได้เป็นอย่างดี 

6. ตาหัวเราะ ‘อ่อยๆๆๆ’ 

  • เริ่มจากกะพริบตาถี่ๆ 
  • กรอกตาขึ้นลงเป็นวงกลม 
  • พร้อมเปล่งเสียง ‘อ่อยๆๆๆ’ 
  • เล่นหูเล่นตา มองซ้ายทีขวาที 

ประโยชน์ :

ท่านี้ช่วยให้มีนํ้าหล่อเลี้ยงดวงตา นอกจากจะช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายดวงตาได้ทางหนึ่ง เหมาะกับผู้ที่ใช้ดวงตาหนัก เช่น คนที่จ้องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือต้องเพ่งตานานๆ ระหว่างวัน 

7. ไหล่หัวเราะ  ‘เอ…เอะๆๆๆ’

  • ยืนตัวตรง แขนแนบลำตัว กางขาเล็กน้อย 
  • ส่ายไหล่ไปมา คล้ายกำลังว่ายนํ้าท่าฟรีสไตล์ 
  • พร้อมเปล่งเสียง ‘เอ…เอะๆๆๆ’

ประโยชน์ :

ท่านี้จะช่วยบริหารช่วงไหล่ และลดปัญหาเกี่ยวกับไหล่โดยเฉพาะ

8. สมองหัวเราะ ‘อึๆๆๆ’

  • เริ่มด้วยการนั่งหรือยืนตามสบาย
  • จากนั้นปิดปากแล้วเปล่งเสียง ‘อึๆๆๆ’

ประโยชน์ :

โดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น เมื่อเกิดความเครียดเกือบทั้งหมดมักจะปิดปาก นั่นส่งผลให้เกิดความดันขึ้นสมอง ท่านี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะระหว่างที่เราเปล่งเสียง ‘อึๆๆๆ’ นั้นจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นไปนวดสมอง เมื่อทำท่านี้เป็นประจำ นอกจากจะรู้สึกว่าสมองโล่ง โปร่งสบายแล้ว ยังช่วยให้สมองสดใส ห่างไกลจากความเครียดอีกด้วย

9. หัวเราะทั้งตัว

  • นั่งยองๆ คล้ายท่ากบกระโดด
  • จากนั้นกระโดดพร้อมส่งเสียงหัวเราะแบบสุดๆ ในสไตล์ของเราเองอย่างต่อเนื่อง 1 นาที 
  • เหมาะกับการทำพร้อมกับเพื่อนๆ 
  • โดยเอามือสองข้างของเราไปตบมือสองข้างของเพื่อนตามจังหวะ

ประโยชน์ :

เมื่อฝึกท่านี้อย่างต่อเนื่อง จะพบว่าทุกส่วนของร่างกายจะโล่ง โปร่ง เบา และสบายขึ้น ทั้งนี้ควรทำควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีแบบองค์รวม ทั้งการบริโภคที่ดี การนอนหลับพักผ่อนที่ได้คุณภาพ และออกกำลังกายที่เหมาะสมด้วย 

10. ชวนเพื่อนหัวเราะ

เทคนิคนี้ก็สำคัญ เพราะการหัวเราะตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปได้ผลมากกว่าการหัวเราะคนเดียว นอกจากจะทำให้เราสนุก และยืดเวลาหัวเราะได้นานขึ้นแล้ว การหัวเราะกับคนอื่นยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขได้ดีกว่า เพราะไม่เป็นการฝืนหัวเราะคนเดียวนั่นเอง 

.

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.thaihealth.or.th
https://www.thaiheartfound.org

แชร์ไปยัง
Scroll to Top