HOW TO : 7 วิธีสร้างสุขง่ายๆ ที่ทำได้ทุกคน

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมคนเราต้องมีความสุข?

เพราะนอกจากความสุขจะส่งผลต่อความสำเร็จทุกๆ ด้านในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการงาน การเงิน ความสัมพันธ์ สร้างแรงบันดาลใจ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มพลังและแรงบันดาลใจในการต่อสู้อุปสรรค ปัญหาต่างๆ ในชีวิตแล้ว ความสุขยังช่วยให้สุขภาพทางกายและใจดีขึ้นอีกด้วย มีหลากหลายงานวิจัยที่พบว่า ความสุขส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางประเภท นอกจากนี้ยังช่วยให้คนเรานอนหลับอย่างมีคุณภาพมากขึ้น นั่นจึงทำให้ ‘ความสุข’ เกี่ยวโยงโดยตรงต่อการยืดอายุของคนเราอย่างไม่ต้องสงสัย เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองและตระหนักถึงความสำคัญของความสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานของมนุษย์ไปพร้อมๆ กับคนทั่วโลก เนื่องใน ‘วันความสุขสากล’ (International Day of Happiness) ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มีนาคมของทุกปี TBCC ขออาสารวบรวมวิธีสร้างสุขง่ายๆ ที่ทำได้ทุกคนมาฝาก…

1. อย่าสร้างกำแพงกั้นสุข

เพราะความสุขไม่มีสูตรสำเร็จ ความสุขเป็นเรื่องปัจเจก มนุษย์แต่ละคนล้วนมีความสุขในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องมีความสุขเหมือนใคร เราสามารถดีไซน์ความสุขในแบบของตัวเองได้โดยไม่มีเงื่อนไข คนรวยมีความสุขในแบบหนึ่ง คนจนก็มีความสุขได้ในอีกแบบหนึ่ง วัยรุ่นหรือสูงวัยก็มีสิทธิ์สุขได้ ทุกคนในโลกนี้มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขได้เท่าเทียมกัน ฉะนั้น อย่าสร้างเงื่อนไขเพื่อมาจำกัดสิทธิที่จะสุขของตัวคุณเอง แต่จงสุขง่ายๆ กับเรื่องใกล้ตัว

2. แบ่งเวลาหาสุขใส่ตัว

วิธีหาสุขใส่ตัวที่ง่ายที่สุดก็คือแบ่งเวลาในแต่ละวันทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ โดยไม่เดือดร้อนตัวเองและผู้อื่นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการดื่มชาชมผีเสื้อในสวนระหว่างวัน การอ่านหนังสือเล่มโปรดสักเล่มก่อนนอน หรือการโทรคุยเมาท์มอยกับเพื่อนหลังเลิกงาน ฯลฯ หรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ทำให้เราได้ผ่อนคลายและมีความสุข

3. อย่าละเลยดูแลกายและใจ 

เพราะสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ สุขภาพดีย่อมนำมาซึ่งความสุขในการใช้ชีวิต ฉะนั้น อย่าลืมหากิจกรรมเพื่อดูแลร่างกายและจิตใจตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การตรวจสุขภาพประจำปี การรับประทานอาหารดีๆ รวมถึงการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ และสวดมนต์ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง จิตใจผ่องใส และห่างไกลจากโรคได้อีกด้วย  

4. แค่ฉีกยิ้มก็สุขได้ 

นอกจากความสุขจะสร้างรอยยิ้มได้แล้ว ในทางกลับกัน รอยยิ้มยังสร้างความสุขให้เราได้อีกด้วย ในปี 1988 Fritz Strack, Leonard L. Martin และ Sabine Stepper ได้ทำการทดลองโดยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 ให้คาบปากกาไว้ในปากขณะดูการ์ตูนในลักษณะปากจู๋ ไม่สามารถยิ้มได้

กลุ่มที่ 2 ให้คาบปากกาโดยใช้ฟันหน้ากัดไว้ขณะดูการ์ตูน จึงดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา 

หลังจากนั้นก็ทำการวัดระดับความสนุกของการ์ตูนที่ดูอยู่ ปรากฏว่าระดับความสนุกจากผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มที่ 2 มากกว่ากลุ่มที่ 1 จึงยืนยันได้ว่า การทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าคนเรานั้นส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์อย่างปฏิเสธไม่ได้ ตรงกันข้ามกับการขมวดคิ้ว ซึ่งจะส่งเสริมอารมณ์ทางลบ ฉะนั้น ยิ้มเข้าไว้ แม้บางครั้งในใจกำลังทุกข์ก็ตาม เพราะการยิ้มจะทำให้เรามีความสุขและเกิดอารมณ์ทางบวกขึ้นได้ 

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการศึกษาพบว่า เมื่อกล้ามเนื้อใบหน้าของเราเคลื่อนไหวจนเกิดรอยยิ้ม จะส่งผลให้โลหิตแดงไปเลี้ยงสมองมีอุณหภูมิต่ำลง ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย รวมถึงในขณะที่เรายิ้มยังทำให้หัวใจเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง ระบบต่างๆ ในร่างกายผ่อนคลาย ต่อมหมวกไตทำงานน้อยลง ฯลฯ รู้อย่างนี้แล้ว จะรออะไร ‘ยิ้ม’ กันดีกว่า 

5. มองหาความสุขจากสิ่งรอบตัว

เชื่อเถอะว่า หากเรามองเห็นสิ่งดีๆ ในวันแย่ๆ ได้ เราก็จะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ เช่น ในวันที่ฝนตก ไปทำงานสาย เจ้านายมองแรงใส่ ทรงผมพัง มาสคาร่าเปรอะหน้า แต่ใครจะรู้ว่าเราอาจจะไปสร้างรอยยิ้มให้คนอื่นๆ อยู่ก็ได้ ฉะนั้น มองให้เห็นความสุขและสิ่งดีๆ ที่รายล้อมรอบตัวเรา

6. ออกจากโลกโซเชียลซะบ้าง

เพราะการเสพติดเทคโนโลยีหรือสื่อสังคมออนไลน์นั้นส่งผลกระทบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน หากไม่รู้จักแบ่งเวลาให้ดี ก็จะยิ่งส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ นั่นทำให้ในปัจจุบันมีผู้คิดค้นวิธี Social Media Detox หรือ Social Detoxification ซึ่งเป็นการบำบัดพฤติกรรมการเสพติดโซเชียลมากจนเกินไป ด้วยการ….

  • Social Media Detox เป็นประจำ เช่น ทุกวันหยุด เพื่อให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลายจากโซเชียลมีเดียบ้าง
  • กำหนดเวลาเล่นหรือใช้อุปกรณ์สมาร์ตโฟนอย่างชัดเจน เช่น งดเล่นสมาร์ตโฟนก่อนนอน ฯลฯ
  • ลดหรือปิดการแจ้งเตือนซะบ้าง  
  • ซึมซับบรรยากาศแบบออฟไลน์ ออกไปใช้ชีวิต พักผ่อน หรือทำกิจกรรมกับคนที่คุณรัก

7. ขอบคุณให้เป็นนิสัย

การขอบคุณในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การขอบคุณคนที่มาทำดีให้เราเท่านั้น แต่เราสามารถขอบคุณสิ่งต่างๆ รอบตัว หรือแม้แต่ขอบคุณตัวเองที่สู้ยิบตา ขอบคุณร่างกายที่แข็งแรงและผ่านทุกอย่างมาได้ ขอบคุณหัวใจตัวเองที่สตรอง ทำให้มองปัญหาเป็นเรื่องจิ๊บๆ ขอบคุณแสงแดดที่ช่วยเปลี่ยนคอเลสเตอรอลในร่างกายให้กลายเป็นวิตามินดี ขอบคุณผีเสื้อที่ช่วยให้โลกนี้สวยงาม มีสีสัน ขอบคุณโรคร้ายที่ทำให้รู้ว่า เราเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน ฯลฯ 

.

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://thestandard.co
https://www.psy.chula.ac.th
https://www.mhc11.go.th
https://www.sikarin.com

บทความเรื่อง “สร้างสุข…ด้วยรอยยิ้ม”
จาก Journal of Mental Health of Thailand 2002
โดยสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต

แชร์ไปยัง
Scroll to Top