
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นอกจากรสชาติและความเย็นที่เป็นเหมือนตัวชาร์จพลัง เติมความสดชื่นให้ร่างกายเราได้แล้ว ไอศกรีมหรือเรียกกันง่ายๆ ว่า ‘ไอติม’ สกู๊ปเล็กๆ นี้ยังช่วยสร้างรอยยิ้มให้เราได้อีกด้วย เรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดยนักประสาทวิทยาจากสถาบันจิตเวชในกรุงลอนดอน ซึ่งทำการศึกษาผ่านการสแกนสมองของกลุ่มคนที่หม่ำไอติมวานิลลาและพบว่า ไอติมนั้นส่งผลต่อสมองในส่วน Orbitofrontal cortex (OFC) ที่กระตุ้นให้เรายิ้มอย่างมีความสุขได้เหมือนๆ ตอนที่เราได้ฟังเพลงโปรดเลยทีเดียว
ที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น สารแล็กโทเฟอริน (lactoferrin) และไซโทไคน์ (cytokine) ในไอติมยังช่วยระบบทางเดินอาหาร ต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆ นั่นแสดงว่าการกินไอติมนั้นช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเราได้ทางหนึ่ง
อีกทั้งไอติมยังช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกาย โดยเฉพาะช่วงหลังจากออกกำลังกาย ซึ่งกล้ามเนื้อของเราจะล้าจากการสลายของไกลโคเจน (Glycogen) ขณะที่ไอติมเป็นของหวานที่นอกจากจะอุดมไปด้วยน้ำตาลแล้ว ยังอุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินอีกมากมายซึ่งช่วยฟื้นฟูไกลโคเจนนั่นเอง
ไอติมถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งของสารอาหารที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และวิตามินบี รวมถึงโปรตีนในนมและครีมซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของไอติม ยังสำคัญต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการเจริญเติบโตของเซลล์
แต่ที่ว้าวที่สุดก็คือไอติมยังเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้ เรื่องนี้ยืนยันจากการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Human Reproduction โดยการสังเกตพฤติกรรมของผู้หญิงอายุระหว่าง 24-42 ปี มากกว่า 18,000 คน ที่หม่ำไอติม 2 ครั้งต่อสัปดาห์ พบว่า การบริโภคนมไม่พร่องมันเนยรวมถึงไอศกรีมนั้น ช่วยลดภาวะการมีบุตรยากได้ถึง 38 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่หม่ำไอติมเพียงสัปดาห์ละครั้ง
นี่ยังไม่นับสรรพคุณที่ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น และเป็นตัวช่วยลดน้ำหนักได้ดี รวมถึงการกินไอติมตอนเช้ายังช่วยให้เราฉลาดขึ้นด้วย อ้างอิงจากงานวิจัยของ Yoshihiko Koga อาจารย์จาก Kyorin University ซึ่งทดลองให้ผู้เข้าร่วมวิจัยกินไอติมทันทีหลังตื่นนอน และพบว่าช่วยให้รู้สึกตื่นตัว ระบบสมองทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมยังลดความขุ่นมัวทางอารมณ์อีกต่างหาก
รู้อย่างนี้แล้ว…เริ่มอยากกินไอติมเป็นมื้อเช้ากันบ้างหรือยัง?
และเพื่อเป็นการต้อนรับ ‘วันกินไอศกรีมเป็นมื้อเช้า’ (Ice Cream for Breakfast Day) วันสำคัญที่มีจุดกำเนิดจากเมืองนิวยอร์ก ในวันที่พายุหิมะโหมกระหน่ำ Florence Rappaport คุณแม่ลูก 6 สุดสตรองก็ประกาศก่อตั้ง ‘วันกินไอศกรีมเป็นมื้อเช้า’ ขึ้นแบบขำๆ เพราะไม่อยากให้ลูกๆ ของเธอเบื่อหน่ายกับการอยู่บ้าน และนั่นก็กลายมาเป็นวันสำคัญแปลกๆ ที่คนทั่วโลกพร้อมใจกันหม่ำไอติมรสชาติโปรดเป็นมื้อแรกก่อนจะออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ซึ่งตรงกับวันเสาร์แรกในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี TBCC จึงถือโอกาสนี้ชวนแฟนๆ มาเช็กอิน 5 ร้าน ‘ไอติมสุขภาพ’ ไขมันต่ำ แคลน้อย แต่อร่อยมาก แถมสุขภาพไม่พังด้วย



ARIS Gelato
ขึ้นชื่อว่า ‘เจลาโต’ (Gelato) แล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่าเป็นไอติมที่มีไขมันอยู่เพียง 5-7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ในขณะที่ไอติมทั่วไปจะมีไขมันอยู่อย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งเนื้อสัมผัสของเจลาโตนั้นยังมีความหนืดกว่า เนื้อเนียน เนื่องจากกรรมวิธีในการปั่นจะใช้ความเร็วที่ช้ากว่าไอติมทั่วไป ทำให้มีอากาศในส่วนผสมน้อยลง จึงมีเนื้อสัมผัสที่หนาแน่นมากกว่า และขึ้นฟูน้อยกว่าไอติมทั่วไปนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น เจลาโตของที่นี่ ยังเคลมว่า…
#ผู้ป่วยเบาหวานก็รับประทานได้
#คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่คุณหมอสั่งควบคุมน้ำตาลก็รับประทานได้
#สาวๆ ที่ลดน้ำหนักและควบคุมไขมัน น้ำตาล แคลอรี ก็รับประทานได้
#ยิ่งพลพรรคคนรักสุขภาพยิ่งไม่ควรพลาด
เพราะที่นี่มีแต่ ‘เจลาโต’ ไขมันต่ำที่สุดและปราศจากการใส่น้ำตาล หรือหากใครยังกังวล ทางร้านก็ยังมีแบบไร้ไขมันให้อีกด้วย ใครอยากอร่อยแล้วก็แวะมาได้ที่ Aris Gelato




Made In Moon
นับเป็นไอติมโฮมเมดเกรดพรีเมียมที่เน้นหวานน้อย ไขมันต่ำ ทำสดใหม่ แถมไม่มีส่วนผสมของไข่ แป้ง น้ำมัน ไขมันทรานส์ และที่สำคัญไม่ใส่สารกันเสีย ไอติมที่นี่จึงมีกฎความอร่อยว่า ได้รับแล้วต้องรับประทานทันที หรือไม่ควรเก็บนานเกิน 7 วัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบริการเสิร์ฟความอร่อยลิ้นอิ่มสุขภาพถึงหน้าบ้าน เอาใจสายหวานรักสุขภาพที่ไม่อยากฝ่ารถติด เผชิญฝุ่นพิษ ก็คลิกเข้าไปสั่งได้ที่ Made in Moon






Minitogelato
เจลาโตอีกร้านที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง สำหรับ Minitogelato ร้านของ สาวมิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง นักแสดงสาวมากความสามารถที่อาสาเสิร์ฟไอติมสไตล์โฮมเมด ที่นอกจากนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศต้นตำรับเจลาโตอย่างอิตาลีแล้ว ที่นี่ยังเน้นใช้ ‘ผลไม้สด’ ซึ่งแน่นอนว่าได้ประโยชน์ไปเต็มๆ หากสนใจก็สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Minitogelato







iberry
นับเป็นร้านไอติมสุขภาพในตำนานที่เชื่อว่าหลายๆ คนเคยผ่านหู ผ่านตา และอาจจะเคยผ่านลิ้นกันมาบ้างแล้วกับ Iberry ร้านไอติมรสผลไม้ไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ทางเลือกของสาวกไอติมที่ยังติดรสชาติแต่ไม่ลืมสุขภาพของตัวเอง นอกจากการผลิตไอติมแบบโฮมเมดแล้ว Iberry ยังเน้นกลิ่นและรสจากธรรมชาติแท้ๆ นั่นทำให้ไอติมรสชาติเดียวกัน แต่กินต่างวาระกัน ก็จะได้รสอร่อยที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความสุกงอมและระดับน้ำตาลในผลไม้ หากสนใจลองลิ้มความหวานแบบธรรมชาติแท้ๆ แวะไปได้ที่ Iberry ทุกสาขา หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.iberryhomemade.com




Farm to Table
อีกหนึ่ง Organic Cafe ที่ไม่อยากให้พลาดอย่างมาก สำหรับ Farm to Table ร้านอาหารสายสุขภาพที่นำผักผลไม้ปลอดสารพิษมาแปรรูปเป็นอาหารและของว่างมากมาย รวมถึง ‘เจลาโต’ รสผลไม้แท้ๆ ตามฤดูกาล
นอกจากจะได้ความสดชื่นของเจลาโตระดับพรีเมียมแล้ว ยังได้ลิ้มลองรสชาติของผลไม้ที่ทางร้านคัดสรรมาแล้วว่า อร่อยที่สุดของปี เมื่อมารวมกับนมและน้ำตาลออร์แกนิก รวมถึงน้ำตาลไขมันต่ำ โดยปราศจาก High Fructose Corn Syrup และไม่ผสมแป้ง ไข่ ทั้งยังไม่แต่งกลิ่น สี สารกันเสีย และสารสังเคราะห์ใดๆ แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความอร่อยสุดฟินที่อิ่มสุขภาพแบบไร้กังวล สนใจแวะดูรายละเอียดได้ที่ Farm To Table




ขอบคุณข้อมูลจาก
https://thestandard.co
https://thestandard.co
www.facebook.com/ArisGelatoHandcrafted
www.facebook.com/madeinmoonthailand
www.facebook.com/minitogelato
www.iberryhomemade.com
www.facebook.com/@FarmToTableOrganicCafe