วันนี้คุณกอดใครหรือยัง?

#ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น
#ช่วยให้ผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
#ช่วยให้หัวใจมีสุขภาพดี
#ช่วยลดระดับความดันโลหิตด้วย
#ช่วยให้เห็นคุณค่าในตนเองและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
#ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย บรรเทาความเจ็บปวด
#ช่วยลดความหวาดกลัว
#สร้างความเชื่อใจและความสัมพันธ์อันดี 
#บรรเทาอาการหมดไฟหรือหมดพลังในการทำบางสิ่งบางอย่าง

ฯลฯ

ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอานุภาพการกอดและเพื่อต้อนรับ ‘วันกอดสากล’ (National Hug Day) ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 21 มกราคมนี้ TBCC ขออาสารวบรวมเทคนิคการกอดแบบไหนได้ประโยชน์ และกอดแบบไหนควรระวังมาฝากกัน

กอด 20 วิ…กอดนี้บำบัดโรคได้

เพราะการกอดนอกจากจะช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียดแล้ว  ยังช่วยเพิ่มระดับออกซิโทซิน (oxytocin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้รู้สึกสบายกาย สบายใจ รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ระบบการทำงานของหัวใจและเลือดดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ การกอดยังช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) ซึ่งช่วยให้คนเรามีสมาธิและรู้สึกพึงพอใจในตัวเองมากขึ้น 

ยิ่งไปกว่านั้น การกอดจะช่วยให้ร่างกายหลั่งเซโรโทนิน (Serotonin) หรือสารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของคนเรา ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและลดความรู้สึกเศร้าได้อีกทางหนึ่งด้วย ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อการกอดนั้นมีระยะเวลา 20 วินาทีขึ้นไป ร่างกายจึงจะหลั่งสารต่างๆ ข้างต้นออกมา ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงแล้ว ยังมีผลในทางบำบัดโรคได้อีกด้วย  

กอด 8 ครั้ง/วัน…สร้างสมดุลชีวิต

เวอร์จิเนีย ซาติร์ (Virginia Satir) นักจิตวิทยาและนักบำบัดโรคครอบครัว เคยกล่าวไว้ว่า คนเราควรกอดกันวันละ 4 ครั้ง เพื่อความอยู่รอด แต่หากกอดกันได้วันละ 8 ครั้ง ก็จะช่วยรักษาสมดุลในการดำเนินชีวิต และหากกอดกันวันละ 12 ครั้งขึ้นไป จะช่วยทำให้คนเราเติบโตจากจิตวิญญาณ 

จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่แค่ระยะเวลาในการกอดกันเท่านั้นที่สำคัญ หากแต่จำนวนครั้งในการกอดกันนั้นก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่นอกจากจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราและคนรอบข้างดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ชีวิตของเราเกิดความสมดุลมากขึ้นอีกด้วย  

กอดให้ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา

แม้การกอดจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่อยากถูกกอด โดยเฉพาะกับคนที่ไม่สนิทกัน ฉะนั้น ก่อนจะโอบกอดใคร เราควรจะพิจารณาให้ดีเสียก่อน เพราะหากกอดผิดคน ผิดที่ ผิดเวลา การกอดอาจจะสร้างความอึดอัดและอาจจะเลยเถิดไปเป็นการล่วงละเมิดผู้อื่นได้ง่ายๆ ฉะนั้น ก่อนจะอ้าแขนโอบกอดใคร เรามาพิจารณากันก่อนดีกว่าว่า นอกจากความสนิทสนมแล้ว มีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่เราควรนำมาพิจารณาในการสวมกอดคนอื่นในแต่ละครั้ง  

1) อายุและเพศ มีหลายงานวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุนั้นมีแนวโน้มในการตอบรับการโอบกอดมากกว่าวัยอื่น ฉะนั้น กอด สว. ผู้สูงวัย เปอร์เซ็นต์การถูกปฏิเสธน่าจะน้อยกว่ากอดหนุ่มๆ สาวๆ แน่นอน นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า สาวๆ ที่มีรสนิยมทางเพศไม่ชอบผู้ชาย มักจะมีแนวโน้มไม่ชอบให้หนุ่มๆ กอดเท่าใดนัก นั่นหมายความว่า นอกจากเราไม่ควรสวมกอดใครโดยพลการแล้ว เราควรเอ่ยคำขอกอด และควรกอดอย่างช้าๆ นุ่มนวล เพื่อให้การกอดนั้นไม่เป็นการสร้างบาดแผลทางความรู้สึกระหว่างกัน

2) เวลาและโอกาส เพราะการกอดที่อีกฝ่ายไม่พร้อมจะกอดกับเรานั้น นับเป็นการกอดที่อันตรายที่สุด นอกจากจะถูกปฏิเสธแบบมองหน้ากันไม่ติดได้แล้ว ยังอาจจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ที่เคยดีต่อกันลงได้ ฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการกอดในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยุ่งหรือทำกิจกรรมอื่นอยู่ รวมถึงงดเว้นการกอดกับคนที่เราไม่สนิท หรือรู้จักกันเพียงผิวเผิน เพราะอาจจะเป็นการล่วงเกินอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจได้

3) ภาษากาย ก่อนโอบกอดคนอื่นทุกครั้ง สิ่งที่เราต้องทำคือการสังเกตภาษากายหรือท่าทางของอีกฝ่ายว่า เขามีแนวโน้มยินยอมพร้อมใจให้เรากอดหรือไม่ เช่น หากอีกฝ่ายยืนตัวตรงเด่ ไม่มีทีท่าว่าจะเอียงตัวหรือโน้มตัวเข้าหา เราก็ควรจะเลี่ยงไปใช้วิธีอื่นแทน เช่น แตะไหล่ แตะหลัง หรือสัมผัสที่แขนเบาๆ ฯลฯ แทนการกอด

กอด ‘ตัวเอง’ บ้าง…ก็ได้ 

ในวันที่เราอาจจะมองไม่เห็นใครให้กอด การกอดตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรนะ ตรงกันข้ามการกอดตัวเองนั้นช่วยบรรเทาความเครียด ความวิตกกังวล รวมถึงความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจได้อย่างอยู่หมัด แค่เรายกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาไขว้กันตรงหน้าอก วางมือข้างหนึ่งทับอีกข้างหนึ่งเบาๆ แล้วลองหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ สักครู่ แค่นี้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และผ่อนคลายก็จะเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด 

เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะการกอดตัวเองแบบนี้จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของเราหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา รวมถึงสารสื่อประสาทอย่างเซโรโทนิน และฮอร์โมนอื่นๆ ที่ได้จากการกอดผู้อื่นเช่นกัน 

แต่ข้อดีของการกอดตัวเองนั้นก็คือเราสามารถทำซ้ำๆ ได้เองทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน ในห้องนอน หรือแม้แต่บนรถเมล์ที่แออัดก็ยังได้ และนอกจากการกอดตัวเองแล้ว การกอดตุ๊กตาตัวโปรด หรือหมอนเน่าของเราเองก็ยังให้ผลที่คล้ายกัน ฉะนั้น ไม่ว่าจะกอดคน กอดสัตว์เลี้ยง กอดตุ๊กตาตัวโปรด กอดหมอนเน่ากลิ่นตุๆ การกอดนับเป็นยาวิเศษให้ผลดีกับร่างกายและจิตใจเราได้ทั้งสิ้น 

อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนคงเห็นถึง
ความมหัศจรรย์ของการกอดไม่มากก็น้อย 
แล้วอย่างนี้จะรออะไรอยู่!?! 
หาคนมากอดให้อุ่นหัวใจกันเลยดีกว่า…

แชร์ไปยัง
Scroll to Top