วิ่งวันละนิด พิชิตโรค

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า การวิ่งเพียงวันละ 5 นาที ยืดอายุคนเราได้ถึง 3 ปี เป็นอย่างต่ำ! เรื่องนี้ยืนยันโดยงานวิจัยของ Duck-Chul Lee ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว มหาวิทยาลัยไอโอวา ซึ่งเก็บสถิติของผู้ใหญ่อายุระหว่าง 18-100 ปี จำนวนกว่า 55,137 คน เพื่อค้นหาคำตอบว่า คนที่วิ่งและคนที่ไม่ค่อยได้วิ่งออกกำลังกายนั้น สุขภาพแตกต่างกันอย่างไร

งานวิจัยชิ้นนี้ดำเนินไปนานกว่า 15 ปี จนในที่สุดก็พบคำตอบว่า คนที่วิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั้นจะมีอัตราป่วยด้วยโรคเรื้อรังอันตรายน้อยลง 30 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มที่อายุจะยืนยาวขึ้นถึง 3 ปี เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยได้วิ่งหรือออกกำลังกายใดๆ เลย

โดยผลลัพธ์ทั้งหมดที่เราจะได้รับจากการวิ่งข้างต้นนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ‘ความเร็ว’ หรือ ‘ระยะทาง’ หรือ ‘ระยะเวลา’ เลย แค่วิ่งให้ได้ 5-10 นาทีต่อวันเท่านั้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้มากถึง 58 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการวิ่งนั้นเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบสูบฉีดเลือด กระตุ้นการเต้นของหัวใจ รวมทั้งช่วยขยายปอด เพิ่มออกซิเจนในเลือด ส่งผลให้หายใจโล่งสบายมากขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อระบบหลอดเลือดหัวใจให้สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว ลดการติดขัดของหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ การวิ่งระยะเวลาสั้นๆ นี้ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น

ช่วยให้อารมณ์ดี 

เพราะการวิ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา นั่นจึงไม่แปลกที่ทำให้เมื่อเราก้าวเท้าออกวิ่งไปไม่นาน เรามักจะรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย หายเครียด และอารมณ์ดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก 

เพิ่มคุณภาพการนอน

เพราะการวิ่งช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายของเราทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้นนั่นเอง และเมื่อฮอร์โมนและนาฬิกาในร่างกายถูกจัดระเบียบแล้ว การนอนหลับที่มีคุณภาพก็เป็นเรื่องไม่ยาก

ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์

ผลการศึกษาในนิตยสาร Frontiers in Aging Neuroscience เปิดเผยว่า การออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เช่น การวิ่ง จะช่วยให้เลือดและออกซิเจนไหลเวียนในสมองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลดีต่อสมองส่วน ‘ฮิปโปแคมปัส’ (hippocampus) สมองที่ทำหน้าที่เรียนรู้และจดจำ นั่นจึงลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ไปโดยอัตโนมัติ  

ลดความดันโลหิต

ผลการศึกษาจากสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า การวิ่งวันละ 5 นาที เป็นประจำนั้น ช่วยลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง โรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง และโรคเบาหวานอีกทางหนึ่ง 

เสริมระบบภูมิคุ้มกัน 

การวิ่งนับเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้มีระบบต้านทานโรคอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มาถึงบรรทัดนี้ เชื่อว่าคนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ กับการออกวิ่งคงจะตัดสินใจหยิบรองเท้าคู่ใจออกมาวิ่งได้ง่ายขึ้น เพียงเริ่มย่ำเท้าวันละนิดก็ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้แล้ว และหากติดใจในการวิ่งและสามารถวิ่งในระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นอย่างพอเหมาะ ยังช่วยให้เราห่างไกลโรคได้อีกมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือลดความเสี่ยงของมะเร็งต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งหลอดอาหาร, มะเร็งตับ, มะเร็งปอด, มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งทรวงอก เป็นต้น รวมถึงยังช่วยให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น ควบคุมน้ำหนักตัว ป้องกันโรคอ้วน บรรเทาความเครียด เยียวยาอาการซึมเศร้า ป้องกันการสูญเสียความทรงจำ ฯลฯ

ยิ่งไปกว่านั้น ผลการวิจัยเรื่อง Running as a Key Lifestyle Medicine for Longevity ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Progress in Cardio Disease ยังยืนยันว่า ผู้ที่วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ถึง 25-40 เปอร์เซ็นต์ โดยงานวิจัยชิ้นนี้สรุปเป็นตัวเลขให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า

การวิ่งทุก 1 ชั่วโมง 
สามารถยืดอายุคนเราได้ 
ประมาณ 7 ชั่วโมง

ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขเฉลี่ยจากการวิ่งประมาณ 2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นประจำ จะเห็นได้ว่า การวิ่งนับเป็นกุญแจที่ทำให้คนเราอายุยืนและห่างไกลจากโรคร้ายแรงเรื้อรังได้ทางหนึ่ง ยิ่งทำร่วมกับการพักผ่อนที่เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในสัดส่วนที่พอเหมาะ รวมถึงเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ รับรองว่าสุขภาพดีๆ ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม…   

TIPS : มือใหม่หัดวิ่งต้องรู้!

  1. เลือกรองเท้าสำหรับวิ่งที่เหมาะกับตัวเอง
  2. งดน้ำ-อาหารก่อนออกกำลังกาย
  3. เลือกสถานที่วิ่งที่ปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพ เช่น สวนสาธารณะที่ไม่เปลี่ยว หรือในยิมที่ปลอดจากฝุ่น 
  4. วางแผนเส้นทางเพื่อความเพลิดเพลินในการวิ่ง 
  5. ควรวอร์มร่างกายก่อนวิ่งทุกครั้ง
  6. เริ่มต้นด้วยการเดินเร็วเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายได้เตรียมกล้ามเนื้อและระบบหายใจให้พร้อม
  7. พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้เป็นธรรมชาติ และขณะวิ่ง สายตาควรจ้องมองไปข้างหน้าตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการก้มมองเท้า เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายระหว่างวิ่ง
  8. ไม่หักโหมเกินไป เพราะร่างกายอาจจะบาดเจ็บจากการวิ่งได้
  9. เมื่อร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้น ค่อยๆ เพิ่มระยะทางในการวิ่งทีละนิด เท่าที่ร่างกายรับไหว เพื่อไม่ให้ร่างกายเหนื่อยและท้อจนเกินไป  
  10. หลังการวิ่งทุกครั้งควรฟื้นฟูร่างกาย เช่น ยืดกล้ามเนื้อเพื่อรักษาความยืดหยุ่น หรือนวดเพื่อลดอาการเจ็บของร่างกาย เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก

www.wangsammohospital.go.th
https://mgronline.com
www.nakornthon.com

แชร์ไปยัง
Scroll to Top