กาแฟประกอบไปด้วยกาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้ตื่นตัว สมองตื่นตัว จดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น ถ้ารับในปริมาณที่เพียงพอ แต่ถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ใจสั่น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ ส่วนในกาแฟยังมีสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น เช่น chlorogenic acid ที่ช่วยต้านมะเร็งและลดความเสี่ยงหัวใจและหลอดเลือด ส่วนตัวสาร terpene ในกาแฟอาจทำให้มีผลต่อระดับไขมันในเลือดเพิ่มได้ถ้าดื่มเยอะ
สำหรับผู้ที่เคยป่วยเป็นมะเร็งเต้านม หลังโรคสงบลงแล้วสามารถดื่มกาแฟได้ในปริมาณที่พอเหมาะ คือ ไม่เกิน 3 แก้วต่อวัน โดยข้อควรระวังในการดื่มกาแฟ คือ ไม่ควรใส่น้ำตาลเยอะ เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกาย และไม่ควรเติมครีมเทียมที่เป็นการดัดแปลงไขมันจากพืชมาดื่มเป็นประจำทุกวัน เพราะอาจมีผลต่อหัวใจและหลอดเลือดได้ อาจจะใส่นมพร่องมันเนย หรือนมธัญพืชแทนเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีขึ้นได้
ทั้งนี้เวลาที่เหมาะกับการดื่มกาแฟที่สุด คือ 8.00-10.00 น. เพราะจะช่วยให้กาแฟกระตุ้นระดับ cortisol ทำให้ร่างกายพร้อมมีแรงที่จะทำงาน แต่สำหรับคนที่ติดกาแฟคือดื่มเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะดื่มเวลาไหนก็ไม่กระตุ้นแล้ว เพราะร่างกายเกิดความชินต่อกาเฟอีนไปแล้ว ส่วนมากคนจะนิยมดื่มกาแฟตอนเช้า ตั้งแต่ตื่นนอน เพราะกาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนตัว ทำให้ขับถ่ายได้ดีในตอนเช้า แต่ไม่ควรดื่มกาแฟพร้อมกับอาหารที่มีแคลเซียมเพราะจะขับแคลเซียมออกจากร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ป่วยวัยทองที่มีภาวะกระดูกพรุนนั้นควรลดการดื่มกาแฟ หรือดื่มกาแฟที่ decaffeine ซึ่งเป็นกาแฟที่ไม่มีกาเฟอีน หรือควรได้รับการเสริมแคลเซียมที่เพียงพอเสมอ
นอกจากนี้ การดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติที่ชื่อว่า sympathetic ซึ่งอาจส่งผลต่อการเผาผลาญที่ดีขึ้นได้จากกาเฟอีน แต่ในผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะต้องหลีกเลี่ยง รวมถึงในรายที่ติดกาแฟแล้ว เมื่อหยุดกาแฟอาจจะมีอาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับได้ แต่อาการเหล่านี้จะหายได้เองเมื่อได้รับกาแฟเข้าสู่ร่างกาย หรือฝืนหยุดให้เกิน 7 วัน จะดีขึ้น ทั้งนี้ ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 3 แก้ว ในคนปกติ และไม่ควรใส่น้ำตาลและครีมเทียมในกาแฟเพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพครับ